ป้ายกำกับ: คนละครึ่ง
คนละครึ่ง นายปรากฏชัด บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เผยออกมาว่า สตง. (สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน) ได้วิเคราะห์ผลสำเร็จและก็คุณภาพการดำเนินการแผนการคนละครึ่ง พบว่า ปริมาณผู้ใช้สิทธิต่ำยิ่งกว่าค่าแผนการที่โครงงานฯ ระบุ โดยมีผู้ใช้สิทธิในระยะที่ 1 ถึงระยะที่ 4 ปริมาณ 9.98 ล้านคน/14.79 ล้านคน/26.35 ล้านคน/26.38 ล้านคน เป็นลำดับ หรือคิดเป็น 99.76%/98.62%/94.10%/90.98% เป็นลำดับ
คนละครึ่ง ซึ่งหากว่าโดยภาพรวมจะมีปริมาณผู้ใช้สิทธิมากยิ่งกว่า 90% ของกลุ่มเป้าหมาย
แต่ว่าการที่ปริมาณผู้ใช้สิทธิต่ำยิ่งกว่าค่าวัตถุประสงค์ตัวชี้วัดที่แผนการฯ ระบุ ประกอบกับผู้ใช้สิทธิบางรายมิได้ใช้จ่ายครบตามวงเงินที่ได้รับ ทำให้การเบิกชำระเงินงบประมาณไม่เป็นไปตามงบประมาณที่ขอรับแบ่งสรรไว้ ซึ่งจากข้อมูลในวันที่ 30 เม.ย.65 มีเงินงบประมาณคงเหลืออยู่ที่ยังมิได้เบิกจ่ายรวมทั้งสิ้น 23,153.14 ล้านบาท ถึงแม้เงินงบประมาณปริมาณดังที่กล่าวผ่านมาแล้วเป็นเพียงแค่การป้องกันวงเงินงบประมาณ แม้กระนั้นถ้าการกำหนดจุดหมายตัวชี้วัดสูงมากกว่าปริมาณผู้ใช้สิทธิมากมาย จะมีผลให้กำเนิดค่าพลาดโอกาสที่รัฐบาลจะนำเงินในส่วนนี้ไปใช้ในโครงงานอื่นๆที่สำคัญแล้วก็เร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือพลเมือง สังคม รวมทั้งเศรษฐกิจในตอนเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสวัวโรทุ่งนา 2019 (วัววิด-19)
อนึ่ง แผนการ คนละครึ่ง ยอดเยี่ยมในแผนการตามมาตรการรักษาระดับการบริโภคของประเทศที่มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจนกระทั่งระดับรากฐาน โดยการลดภาระหน้าที่ค่าใช้สอยของราษฎรรวมทั้งเพิ่มอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศอันจะนำมาซึ่งการทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กมีรายได้จากแนวทางการขายผลิตภัณฑ์แล้วก็บริการ ซึ่งการดำเนินโครงงานดังที่กล่าวถึงมาแล้วแบ่งเป็น 4 ระยะ ตั้งแต่เดือน ตุลาคม63 ถึงเดือน เม.ย.65 มีกลุ่มเป้าหมายในแต่ละระยะ อาทิเช่น พสกนิกรชนชาติไทยที่แก่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันสมัครสมาชิก มีบัตรประชาชน และไม่เป็นผู้มีบัตรผลประโยชน์ที่เมือง ปริมาณ 10 ล้านคน/15 ล้านคน/28 ล้านคน/29 ล้านคน เป็นลำดับ รวมวงเงินที่ใช้เพื่อสำหรับในการดำเนินแผนการทั้งมวล 213,300 ล้านบาท
ดังนี้ มูลเหตุที่ปริมาณผู้ใช้สิทธิไม่เป็นไปตามค่าวัตถุประสงค์ตัวชี้วัด
มีสาเหตุมาจากสิ่งแวดล้อมแล้วก็ปัจจัยภายนอกตอนเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสวัวโรทุ่งนา 2019 ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินแผนการภาครัฐเพื่อช่วยลดแล้วก็ปกป้องการแพร่ระบาด ยกตัวอย่างเช่น sagame350 เข้าสู่ระบบ การขอความร่วมมือจากสามัญชนให้ดำเนินการที่บ้าน (Work from Home) ประกอบกับประชากรมีความประจักษ์แจ้งสำหรับการปกป้องตนเองจากการแพร่ระบาดในแต่ละรอบ ก็เลยบางทีอาจมีผลต่อความประพฤติการใช้จ่ายของผู้เข้าร่วมโครงงานฯ รวมทั้งปริมาณผู้ใช้สิทธิของแผนการฯ
นอกจากนั้น การใช้ชำระเงินที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์แล้วก็ข้อจำกัดของโครงงานฯ
จากการตรวจสอบแล้วก็พบว่ามีร้านรวมทั้งสามัญชนที่ไม่ประพฤติตามหลักเกณฑ์รวมทั้งข้อแม้ของแผนการฯ รวมทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงงานฯ ได้จัดส่งข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวโยงเพื่อปฏิบัติการโดยชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งการหยุดสิทธิการใช้แรงงานแอปพลิเคชัน แล้วก็เรียกเงินคืนปริมาณ 296 ราย ซึ่งการตรวจเจอการกระทำผิดหลักเกณฑ์แล้วก็ข้อตกลงของแผนการฯ เป็นผลมาจากการตรวจดูข้อมูลธุรกรรมการค้าขายผลิตภัณฑ์และก็บริการที่มีความผิดธรรมดาและก็ทำให้เกิดการสอบสวนขยายผลการกระทำผิด และก็แม้ว่าจะมีการโปรโมทเพื่อป้องห้ามการกระทำผิดหลักเกณฑ์แล้วก็ข้อจำกัดของแผนการฯ อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนการแก้ไขปรับปรุงแอปพลิเคชันเป๋าตังและก็ถุงใส่เงินให้มีคุณภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าก็ยังคงตรวจเจอการไม่ทำตามหลักเกณฑ์และก็ข้อตกลงของแผนการฯ อยู่เป็นช่วงๆ
ดังนี้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมีข้อคิดเห็นว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบแผนการฯ มีภารกิจหลักที่ไม่สอดคล้องกับแผนการฯ เมื่อตรวจเจอผู้ไม่ประพฤติตามหลักเกณฑ์แล้วก็ข้อตกลงของโครงงานฯ ซึ่งจำต้องใช้เวลาสำหรับเพื่อการสำรวจเอกสารไม่น้อยเลยทีเดียวก็เลยก่อให้เกิดผลเสียต่อการกระทำงานภายใต้ภารกิจของหน่วยงานที่รับผิดชอบแผนการฯ
ดังนี้ จากผลของการตรวจดูข้างต้น สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินก็เลยมีข้อเสนอให้หน่วยงานที่ดูแลดูแลรวมทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบพินิจปริมาณจุดหมายผู้เข้าร่วมแผนการฯ ในระยะต่อไปให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมแล้วก็สาเหตุที่อาจมีผลพวงต่อการดำเนินโครงงานฯ เพื่อปริมาณจุดหมายผู้เข้าร่วมแผนการฯ ใกล้เคียงกับปริมาณผู้เข้าร่วมแผนการจริงให้เยอะที่สุด เวลาเดียวกันในตอนช่วงเวลาทำงานควรจะกำหนดให้มีการติดตามและก็ประมาณปริมาณผู้ใช้สิทธิอย่างใกล้ชิด เพื่อรู้ถึงแนวโน้มการเบิกจ่ายงบประมาณแล้วก็งบประมาณยังเหลือที่จะเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินแผนการรวมทั้งหมดการดำเนินแผนการ เพื่อหน่วยงานที่เกี่ยวพันสำหรับการจัดแบ่งและก็ดูแลงบประมาณสามารถคิดแผนแล้วก็บริหารจัดแจงงบประมาณคงเหลืออยู่ได้อย่างแม่นยำสมควร sagame350 เข้าสู่ระบบ รวมทั้งเอาไปใช้คุณประโยชน์กับโครงงานอื่นได้ทันทีทันควัน โดยไม่ต้องรอคอยให้หมดช่วงเวลาดำเนินโครงงาน ตัวอย่างเช่น การคืนวงเงินของคนที่ไม่เริ่มใช้สิทธิทีแรกข้างในระบุช่วงเวลา การทยอยคืนวงเงินของผู้ใช้สิทธิที่จะไม่อาจจะใช้วงเงินเต็มปริมาณได้ทันระบุช่วงเวลา
ยิ่งกว่านั้น ในกรณีที่มีการทำโครงงานทำนองเดียวกันในระยะถัดไปควรจะมอบหมาย
ให้หน่วยงานที่มีภารกิจสอดคล้องกับโครงงานฯ คนละครึ่ง มาเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบแผนการ รวมทั้งควรจะพินิจพิเคราะห์ทวนกรรมวิธีสร้างความโปร่งสบายใสแล้วก็ปกป้องการคดโกงสำหรับในการดำเนินแผนการฯ โดยย้ำขั้นตอนสำหรับการสมัครสมาชิกหรือระหว่างการใช้แรงงานแอปพลิเคชันแก่ประชากรและก็ร้านขายของให้ใส่ใจทราบว่ามีระบบระเบียบการต่อว่าดตาม สำรวจธุรกรรมที่ไม่ดีเหมือนปกติ แล้วก็นำมาซึ่งการสอบปากคำขยายผลการกระทำผิดได้
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแจงผลจากการสอบแผนการ คนละครึ่ง เจอ ปริมาณผู้ใช้สิทธิน้อยกว่าค่าวัตถุประสงค์ เหตุมีงบประมาณเหลือ 23,153.14 ล้านบาท แถมการใช้ชำระเงิน ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์รวมทั้งข้อจำกัด
นายปรากฏชัด บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเผยออกมาว่า สตง.(สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน)ได้ตรวจดูผลสำเร็จและก็สมรรถนะโครงงานคนละครึ่ง ซึ่ง ยอดเยี่ยมในโครงงานตามมาตรการรักษาระดับการบริโภคของประเทศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจนกระทั่งระดับโครงสร้างรองรับ โดยการลดภาระหน้าที่ค่าครองชีพของประชากรรวมทั้งเพิ่มอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ อันจะนำมาซึ่งการทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กมีรายได้จากแนวทางการขายผลิตภัณฑ์รวมทั้งบริการ
ดังนี้ แผนการ คนละครึ่ง แบ่งเป็น 4 ระยะ ตั้งแต่ตุลาคม 2563 ถึงเมษายน 2565 มีกลุ่มเป้าหมายในแต่ละระยะ เช่น ประชากรชนชาติไทยที่แก่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันสมัครสมาชิก มีบัตรประชาชน sagame350 เข้าสู่ระบบ และไม่เป็นผู้มีบัตรผลประโยชน์ที่เมือง ปริมาณ 10 ล้านคน / 15 ล้านคน / 28 ล้านคน / 29 ล้านคน รวมวงเงินที่ใช้เพื่อสำหรับในการดำเนินแผนการทั้งหมดทั้งปวง 213,300 ล้านบาท
นายกระจ่าง บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวมาว่า สตง. (สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน) ได้พิจารณาผลดำเนินโครงงานคนละครึ่ง ซึ่งทำงานมาแล้ว 4 ครั้ง ตั้งแต่เดือน ตุลาคม63-เม.ย.65 รวมทั้งใช้วงเงินรวมกว่า 213,300 ล้านบาท โดยได้เจอหัวข้อสำคัญ อาทิเช่น มีปริมาณผู้ใช้สิทธิต่ำยิ่งกว่าวัตถุประสงค์อีกทั้ง 4 ครั้ง ยกตัวอย่างเช่น ครั้งที่ 4 จุดหมาย 29 ล้านคน แต่ว่ามีผู้ใช้สิทธิเพียงแต่ 26.38 ล้านคน ซึ่งการที่ปริมาณผู้ใช้สิทธิต่ำลงมากยิ่งกว่าจุดมุ่งหมาย ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณไม่เป็นไปตามเป้า ซึ่งจากข้อมูล ณ 30 เม.ย.65 มีงบประมาณเหลืออยู่ถึง 23,153 ล้านบาท นำมาซึ่งการก่อให้เกิดค่าพลาดโอกาสที่รัฐบาลจะนำเงินในส่วนนี้ไปใช้ในโครงงานอื่นๆที่สำคัญรวมทั้งเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือราษฎรในตอนวัววิด
ส่วนอีกเรื่องหมายถึงเจอการใช้ชำระเงินที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์แล้วก็ข้อจำกัด
ของโครงงานฯ ซึ่งมีร้านแล้วก็พสกนิกรที่ไม่ทำตามข้อแม้จนกระทั่งถูกหยุดสิทธิ รวมทั้งเรียกเงินคืน 296 ราย ซึ่งหากแม้เมืองจะเพียรพยายามโปรโมท แล้วก็ปรับปรุงระบบเพื่อคุ้มครองปัญหา แม้กระนั้นก็ยังเจอการไม่ทำตามหลักเกณฑ์เป็นช่วงๆ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินก็เลยมีข้อคิดเห็นว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบแผนการคนละครึ่ง มีภารกิจหลักที่ไม่สอดคล้องกับโครงงานฯ เนื่องจากเมื่อตรวจเจอคนที่ทำความผิดจำเป็นต้องใช้เวลาสำหรับการวิเคราะห์เอกสารมากไม่น้อยเลยทีเดียว ก็เลยก่อให้เกิดผลเสียต่อการกระทำงาน
“สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ก็เลยมีข้อเสนอให้หน่วยงานที่ควบคุมดูแลแล้วก็ที่รับผิดชอบไตร่ตรองจุดมุ่งหมายผู้เข้าร่วมโครงงานฯ ให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม เพื่อปริมาณมีผู้เข้าร่วมใกล้เคียงความจริง เวลาเดียวกันควรจะติดตามและก็คาดคะเนเบิกจ่ายอย่างใกล้ชิดโดยไม่ต้องคอยให้หมดแผนการ ดังเช่นว่า การคืนวงเงินของคนที่ไม่เริ่มใช้สิทธิทีแรกด้านในระบุ ฯลฯ เวลาเดียวกัน sagame350 เข้าสู่ระบบ ถ้าเกิดทำแผนการทำนองเดียวกันในระยะถัดไป ควรจะมอบให้หน่วยงานที่มีภารกิจสอดคล้องกับแผนการฯ มารับไม่ถูกถูกใจ รวมทั้งควรจะทวนวิธีการสร้างความโปร่งสบายใสและก็คุ้มครองป้องกันการคดโกง โดยเน้นตั้งแต่แนวทางการสมัครสมาชิกหรือระหว่างการใช้แรงงานฯ ว่ามีระบบระเบียบรอติดตามการกระทำผิดอยู่”
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินบี้ตรวจ “คนละครึ่ง” ชี้เจอปัญหาจับกลุ่มเงินไว้เยอะแยะแต่ว่าใช้จริงไม่หมด ทำเมืองพลาดโอกาสนำเงินไปดูแลแผนการอื่น เจอปัญหาร้านโกง แนะติดตามเบิกจ่ายงบประมาณ แปลงหน่วยงานดูแลโครงงาน
วันที่ 2 เดือนสิงหาคม 2565 นายแจ่มแจ้ง บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
กล่าวมาว่า สตง. (สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน) ได้ตรวจดูผลดำเนินโครงงานคนละครึ่ง ซึ่งทำงานมาแล้ว 4 ครั้ง ตั้งแต่เดือน เดือนตุลาคม 63-เม.ย. 65 และก็ใช้วงเงินรวมกว่า 213,300 ล้านบาท
โดยได้เจอหัวข้อสำคัญ อาทิเช่น มีปริมาณผู้ใช้สิทธิน้อยกว่าจุดหมายอีกทั้ง 4 ครั้ง ดังเช่น ครั้งที่ 4 จุดมุ่งหมาย 29 ล้านคน แต่ว่ามีผู้ใช้สิทธิเพียงแต่ 26.38 ล้านคน ซึ่งการที่ปริมาณผู้ใช้สิทธิต่ำยิ่งกว่าจุดมุ่งหมาย นำมาซึ่งการทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณไม่เป็นไปตามเป้า
ดังนี้ จากข้อมูลใน30 เม.ย. 65 มีงบประมาณยังเหลือถึง 23,153 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดค่าพลาดโอกาสที่รัฐบาลจะนำเงินในส่วนนี้ไปใช้ในโครงงานอื่นๆที่สำคัญแล้วก็เร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือพสกนิกรในตอนวัววิด
ส่วนอีกหัวข้อเป็นเจอการใช้ชำระเงินที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และก็ข้อจำกัดของโครงงาน
ซึ่งมีร้านรวงรวมทั้งราษฎรที่ไม่ประพฤติตามข้อจำกัดจนกระทั่งถูกยับยั้งสิทธิ รวมทั้งเรียกเงินคืน 296 ราย ซึ่งหากแม้เมืองจะพยายาโฆษณา และก็ปรับปรุงระบบเพื่อคุ้มครองป้องกันปัญหา แต่ว่าก็ยังเจอการไม่ทำตามหลักเกณฑ์เป็นช่วงๆ
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินก็เลยมีข้อคิดเห็นว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงงานคนละครึ่ง มีภารกิจหลักที่ไม่สอดคล้องกับโครงงาน sagame350 เข้าสู่ระบบ เนื่องจากว่าเมื่อตรวจเจอผู้ที่ทำความผิดจำเป็นจะต้องใช้เวลาสำหรับในการตรวจทานเอกสารเยอะมากๆ ก็เลยส่งผลเสียต่อการกระทำงาน
“สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินก็เลยมีข้อแนะนำให้หน่วยงานที่ควบคุมดูแลแล้วก็ที่รับผิดชอบไตร่ตรองวัตถุประสงค์ผู้เข้าร่วมแผนการให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม เพื่อปริมาณผู้เข้าร่วมคล้ายคลึงความจริง เวลาเดียวกันควรจะติดตามรวมทั้งประมาณเบิกจ่ายอย่างใกล้ชิดโดยไม่ต้องคอยให้จบโครงงาน อาทิเช่น การคืนวงเงินของคนที่ไม่เริ่มใช้สิทธิทีแรกข้างในระบุ ฯลฯ”
เวลาเดียวกัน ถ้าเกิดทำโครงงานทำนองเดียวกันในระยะถัดไป
ควรจะมอบให้หน่วยงานที่มีภารกิจสอดคล้องกับแผนการมารับไม่ถูกถูกใจ แล้วก็ควรจะทวนขั้นตอนการสร้างความโล่งใสแล้วก็คุ้มครองป้องกันการคดโกง โดยย้ำตั้งแต่วิธีการสมัครสมาชิกหรือระหว่างการใช้แรงงาน ว่ามีระบบระเบียบรอติดตามการกระทำผิดอยู่